คณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเยซูคริสตเจ้าในประเทศไทย
คณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเยซูคริสตเจ้า หรือที่หลายท่านคุ้นเคยกับอีกชื่อหนึ่งตามภาษาอังกฤษว่า คณะสติกมาติน (Stigmatine) เป็นคณะนักบวชที่ก่อตั้งขึ้นที่เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี โดยนักบุญกัสปาร์ แบร์โทนี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ.1816 โดยมีเจตนาที่จะให้เป็นกลุ่มนักบวชที่อุทิศตน เพื่อการเจริญรอยตามพระคริสตเจ้าในฐานะเป็น “ธรรมทูตแพร่ธรรมในการรับใช้พระสังฆราช พร้อมที่จะไปที่ใดก็ตามเพื่อปฏิบัติศาสนบริการต่าง ๆ ซึ่งเหมาะสมตามกระแสเรียกของคณะ” ปัจจุบันคณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ทำงานในประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา บราซิล ชิลี แอฟริกาใต้ แทนซาเนีย บอสวานา ไอโวรีโคสต์ ไทย ฟิลิปปินส์ จอร์เจีย รัสเซีย อินเดีย และอินโดนีเซีย
พระเจ้าทรงนำสู่ประเทศไทย
เมื่อมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศจีน การแพร่ธรรมจึงกลายเป็นสิ่งต้องห้าม บรรดาธรรมทูตจึงจำเป็นต้องเดินทางออกจากประเทศจีน พวกท่านได้มาแวะที่ประเทศไทยก่อนเดินทางกลับประเทศอิตาลี จึงได้มีโอกาสพบและพูดคุยกับพระสังฆราชและพระสงฆ์ที่เป็นธรรมทูตในประเทศไทย และได้รับคำเชื้อเชิญจาก พระสังฆราชเปโตร คาเร็ตโต ให้มาร่วมงานในภาคใต้ พวกท่านจึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ของคณะที่อิตาลี ในที่สุดจึงได้สมัครใจมาท่างานในประเทศไทย
คณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ได้รับมอบหมายจาก พระสังฆราชเปโตร คาเร็ตโต ให้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ 5 จังหวัด คือ ภูเก็ต ระนอง ตรัง พังงา และกระบี่
1. ยุคบุกเบิก
วันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ.1952 คณะธรรมทูตสติกมาตินกลุ่มแรก ประกอบด้วย คุณพ่อลีใน อินามา คุณพ่อมาร์โก บลาซูติก คุณพ่อพรีโม คาร์โนวาลี คุณพ่อเอจิดิโอ ไอรากี และคุณพ่อยอห์น เซเรซัตโต ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทย โดยที่พระสงฆ์ทั้ง 5 องค์เคยทำงานแพธรรมในประเทศจีนมาแล้ว เมื่อมาถึงก็ได้รับความช่วยเหลือจากคณะซาเลเซียนและมิสซังราชบุรี ให้พักอาศัยบ้านพักในเขตบ้านเณรบางนกแขวก จ. ราชบุรี เริ่มเรียนภาษาไทยและได้ช่วยงานอภิบาลตามต่าง ๆ เช่น วัดนักบุญยาโกเบ แม่กลอง วัดนักบุญอันตน โคกมดตะนอย วัดพระหฤทัย วัดเพลง
งานแพร่ธรรมที่ภูเก็ต
ในเดือนพฤษภาคมปี ค.ศ.1953 คุณพ่อลีในและคุณพ่อพรีโม ได้เดินทางมาเริ่มงานที่ภูเก็ต โดยในช่วงแรกได้พักอาศัยในบ้านของคริสตชนครอบครัวหนึ่ง ต่อมาคณะจึงได้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง พร้อมบ้านพัก ซึ่งเคยเป็นบ้านพักของคนงานเหมืองแร่ จากนั้นได้จัดการให้ซ่อมแซมและปรับเปลี่ยนเป็นบ้านพักพระสงฆ์และวัดน้อย คุณพ่อทั้งสองได้เริ่มติดตามหาคริสตชนและอภิบาลสัตบุรุษ เมื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมและความต้องการของประชาชนในจังหวัดภูเก็ตแล้ว คณะธรรมทูตมีความเห็นว่าควรก่อตั้งโรงเรียนคาทอลิกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในงานแพร่ธรรม ประชาชนในสมัยนั้นก็ยินดีสนับสนุนส่งบุตรหลานมาศึกษาเล่าเรียน เพราะมีความคาดหวังในเรื่องการได้รู้ภาษาอังกฤษ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพในอนาคต ด้วยเหตุนี้คณะธรรมทูตจึงได้ติดต่อกับทางผู้ใหญ่ของแขวงสหรัฐอเมริกา เพื่อจะได้ส่งธรรมทูตชาวอเมริกัน ที่สามารถสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนได้ เดือนมีนาคมปี ค.ศ.1954 คุณพ่อร็อกโก เลโอติโล และคุณพ่อโจเซฟ ฟลัดจากแขวงสหรัฐอเมริกา ได้สมัครใจมาร่วมงานกับธรรมทูตชาวอิตาเลียนกลุ่มแรก พวกท่านได้ช่วยกันก่อตั้ง “โรงเรียนดาวรุ่งวิทยา” โดยตั้งชื่อตามคำสรรเสริญแม่พระ ในฐานะเป็นดาวประจำรุ่ง เพื่อถวายเกียรติแด่พระนางมารีอา ในปี ค.ศ.1955 ธรรมทูตชาวอเมริกัน เดินทางมาสมทบอีกหนึ่งท่านคือ คุณพ่อชาร์ล นารันโจกิจการของโรงเรียนดาวรุ่งวิทยาได้เจริญก้าวหน้าทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ จนเป็นที่ยอมรับของชาวภูเก็ต
คณะธรรมทูตทั้ง 8 ท่านได้ช่วยกันรับผิดชอบงานตามความสามารถของแต่ละคน ซึ่งแบ่งงานออกเป็นสองด้านหลักคือ งานสอนและบริหารจัดการโรงเรียน และงานอภิบาลสัตบุรุษ คณะธรรมทูตได้ออกไปเยี่ยมเยียนสัตบุรุษและตามหาคริสตชนในที่ต่าง ๆ เช่น ที่ตะกั่วป่า พังงา ระนอง โดยในช่วงวันพระคริสตสมภพและสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ คุณพ่อจะแยกย้ายกันไปอภิบาล และบริการศีลศักดิ์สิทธิ์ให้แก่สัตบุรุษตามสถานที่ดังกล่าว แล้วก็กลับมาประจำอยู่ที่ภูเก็ต
ในปี ค.ศ.1957 ได้เริ่มก่อสร้าง “วัดแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์” ที่ภูเก็ต ซึ่งสำเร็จในเดือนพฤษภาคมปี ค.ศ.1958 ซึ่งปีนี้คณะได้สูญเสียธรรมทูต 1 ท่านคือ คุณพ่อเอจิดิโอ ไอรากิ ท่านได้เสียชีวิตเนื่องจากประสบอุบัติเหตุจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร
ในปี ค.ศ.1959 ธรรมทูตชาวอเมริกันได้เดินทางมาร่วมงานเพิ่มขึ้นอีกสี่ท่าน ได้แก่ คุณพ่อยอห์น ลูซี่ คุณพ่อริชาร์ด วูดาเร็ก คุณพ่อชาร์ล โดลัน และคุณพ่อโธมัส เฮนรี่ ในปีต่อมา คุณพ่อลีโน และพ่อพรีโม ได้ย้ายไปเป็นธรรมทูตที่ประเทศแอฟริกาใต้ จากนั้นในปี ค.ศ.1962 มีธรรมทูตชาวอเมริกันมาเพิ่มอีกสองท่านคือ คุณพ่อปอล เดลี่ และคุณพ่อชาร์ล ซิเนซี แต่คุณพ่อโจเซฟ ฟลัด ย้ายกลับไปทำงานที่สหรัฐอเมริกา
งานแพร่ธรรมที่ระนอง
ก่อนที่จะมีคุณพ่อมาประจำวที่นี่ ธรรมทูตเคยมาเยี่ยมเยียน และบริการศีลศักดิ์สิทธิ์ ในช่วงวันคริสตสมภพและสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ บรรดาสัตบุรุษอยากให้มีพระสงฆ์มาอยู่ประจำ ดังนั้นวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1960 คุณพ่อร็อกโก จึงได้มาบุกเบิกงานที่นี่ พระสังฆราชเปโตร คาเร็ตโต ได้จัดซื้อที่ดินซึ่งเป็นเหมืองแร่เก่าให้คุณพ่อร็อกโก ได้มาเริ่มจัดการปรับเปลี่ยน และก่อสร้างบ้านพักและวัดน้อย ต่อมาก็ค่อยๆสร้าง “วัดพระหฤทัยแห่งพระเยซูเจ้า” และ “โรงเรียนศรีอรุโณทัย” นอกจากนี้ คุณพ่อยังได้ช่วยเหลือผู้ยากไร้ ด้วยการสร้าง “ห้องแถว” ซึ่งเป็นบ้านพักสำหรับคริสตชนและคนยากจนด้วย
งานแพร่ธรรมที่ตรัง
ปี ค.ศ.1962 มี คุณพ่อชาร์ลส์ นารันโจ และคุณพ่อปอล เดลี่ มาอยู่ประจำในระยะแรก ๆ คุณพ่อได้มาพักอาศัยที่บ้านของคริสตชนครอบครัวหนึ่ง ได้บริการศีลศักดิ์สิทธิ์และเยี่ยมเยียนสัตบุรุษในเขตจังหวัดตรัง อย่างไรก็ตามคุณพ่อทั้งสองอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก ก็จําเป็นต้องย้ายกลับไปสหรัฐอเมริกา ดังนั้นในปี ค.ศ.1964 คุณพ่อยอห์น เซเรซัตโต จึงได้มาทำหน้าที่แทน ท่านเป็นผู้บุกเบิกในการสร้างบ้านพักและวัดน้อย และต่อมาจึงค่อย ๆ สร้าง “โรงเรียนดรุโณทัย” และ “วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์” ทั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจาก คริสตชนชาวอิตาเลียนผู้มีน้ำใจดีต่องานแพร่ธรรม ต่อมา คุณพ่อเฟอร์ดินันโด รองโคนี ได้สมัครมาทำงานธรรมทูตที่ประเทศไทย และได้มาประจำที่ตรัง คุณพ่อได้ออกติดตามหาคริสตชน และได้เริ่มงานที่หมู่บ้านปากคม อำเภอห้วยยอด พยายามตั้งกลุ่มคริสตชนขึ้นมา และต่อมาได้สร้างวัดพระจิตเจ้าขึ้นที่นั่นด้วย
เห็นได้ว่าบรรดาธรรมทูตต่างทุ่มเทกำลังกายและใจ ให้กับงานแพร่ธรรมอย่างมาก ทั้งนี้ได้ฝากไว้ในความดูแลของพระเจ้าอยู่เสมอ พวกเราคงพอนึกภาพของการเริ่มงานใด ๆ ก็ตาม จากที่ไม่มีอะไรเลย จนเติบโตพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ คุณพ่อทั้งหลายล้วนมีความมุ่งมั่น มีความเชื่อและความหวัง ในพระเอื้ออาทรของพระเจ้าอย่างมากทีเดียว
2. ยุคพัฒนาสร้างบุคลากร
ปี ค.ศ.1976 หลังจากผ่านงานแห่งความสำบากมาพอสมควรแล้ว บรรดาธรรมทูตได้มองถึงอนาคตของคณะในประเทศไทยว่า จำเป็นต้องมีบ้านเณร เพื่อเป็นสถานที่ผลิตบุคลากรที่จะเป็นผู้สานงานต่อจากพวกท่าน ก่อนที่จะมีบ้านเณรคณะเคยรับผู้สมัครเป็นสามเณรเหมือนกัน แต่ก็มีจำนวนน้อย พวกเขาได้อาศัยอยู่ตามบ้านพักพระสงฆ์ที่ภูเก็ต ตรัง ระนอง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ซึ่งก็ไม่ประสบผลสำเร็จ คณะธรรมทูตจึงได้เริ่มโครงการก่อตั้งบ้านเณรของคณะขึ้นมา โดยมี คุณพ่อร็อกโก เป็นผู้บุกเบิกงานนี้ ท่านได้ขอความช่วยเหลือจากอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ โดยผ่านทาง พระอัครสังฆราชยวง นิตโย และพระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะจึงได้ที่ดินผืนหนึ่งในเขตอำเภอสามพราน และได้สร้างบ้านเณรขึ้นมา
ในระยะแรก ๆ การก่อสร้างบ้านเณรแห่งนี้ มีงบประมาณจำกัด แต่คุณพ่อร็อกโก ได้อาศัยความมัธยัสถ์ และแรงงานจากเณรรุ่นแรก ค่อย ๆ สร้างจนสามารถเป็นสถานที่อบรมเยาวชนไทยหลายคน ในปี ค.ศ.1987 คณะได้รับเงินช่วยเหลือบ้านเณรจากครอบครัวซานเฟรดตา ชาวอิตาเลียน ผู้มีน้ำใจดีต่อคณะ คณะจึงได้สร้างบ้านเณรเพิ่มขึ้นอีกหลังหนึ่งที่สามพราน เพื่อใช้เป็นบ้านเณรใหญ่ของคณะ
3. ยุคปัจจุบันในสังฆมณฑลต่าง ๆ และต่างประเทศ
งานแพร่ธรรมยังคงพัฒนาต่อไปในสนามแพร่ธรรมแห่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น
วัดนักบุญกัสปาร์ แบร์โทนี
บ้านลำเลียง อ. กระบุรี ในเขตงานอภิบาลคริสตชนที่อพยพจากจังหวัดเพชรบูรณ์ และจากภาคอีสานเพื่อมาทำไร่กาแฟที่หมู่บ้านสันติสุข และหมู่บ้านลำเลียง อ.กระบุรี จ.ระนอง โดยคุณพ่อเฟอร์ดินันโด รองโคนี ได้เป็นผู้ริเริ่มรวบรวมกลุ่มคริสตชนเหล่านี้ ได้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ผู้ก่อตั้งคณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ คุณพ่อได้เดินทางไปสอนคำสอนและบริการศีลศักดิ์สิทธิ์ ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ ให้ความช่วยเหลือปัจจัยในการดำรงชีวิต จนกระทั่ง ในปี ค.ศ.1993 คณะจึงได้สร้างวัดหลังใหม่ขึ้นมาอย่างถาวร
วัดแม่พระแห่งพระพระหรรษทาน ปากจั่น จ.ระนอง
เป็นการริเริ่มสร้างวัด โดยพรสงฆ์คณะซาเลเซียน เพื่อสัตบุรุษกลุ่มหนึ่งที่อพยพมาจากหมู่บ้านถ้ำสิงห์ จ.ชุมพร แต่ต่อมา เมื่อคุณพ่อซาเลเซียนได้ย้ายไปประจำที่อื่น พระสังฆราชไมเกิ้ล ประพนธ์ ชัยเจริญ จึงได้ขอให้ทางคณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ จัดพระสงฆ์มาประจำที่นี่ เพื่องานอภิบาล ดูแลและรับผิดชอบแทน ซึ่งคณะก็ได้รับผิดชอบมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1996
จังหวัดพังงา
ในปี ค.ศ.1996 พระสังฆราชไมเกิ้ล ประพนธ์ ชัยเจริญ ได้เชิญซิสเตอร์คณะผู้รับใช้ผู้ป่วยแห่งนักบุญคามิลโล มาทำงานที่นี่ โดยมีความตั้งใจอยากบุกเบิกงานทางด้านการให้บริการด้านสุขภาพอนามัย โดยเริ่มต้นจากการสร้างสถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน “เซนต์แมรี่” เพื่อให้ซิสเตอร์ดูแลรับผิดชอบ ต่อมาในปี ค.ศ.1997 พระสังฆราชไมเกิ้ล ประพนธ์ ชัยเจริญ ได้ก่อสร้างวัดใหม่ขึ้น ด้วยน้ำใจดีของ ครอบครัววังตาล สร้างถวาย เมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ได้ทำพิธีเสกและได้ตั้งชื่อว่า “วัดนักบุญมาร์ติน เดอตูร์ส” ตามชื่อนักบุญของคุณอุดม วังตาล โดยมีพระสงฆ์คณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ดูแลวัดแห่งนี้ ซึ่งในต้นปีการศึกษา 2545 มีซิสเตอร์ คณะรักกางเขนแห่งจันบุรี เป็นผู้รับผิดชอบ โรงเรียนอนุบาลมารีรัก พังงา และ ศูนย์เซนต์แมรี่ ต่อจากซิสเตอร์ คณะคามิลเลียน จนถึงปัจจุบัน
จังหวัดกระบี่
พระสงฆ์ที่มาประจำที่ วัดนักบุญมาร์ เดอตูรส์ ยังมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลกลุ่มคริสตชนที่จังหวัดกระบี่ด้วย ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพธุรกิจด้านโรงแรมและการท่องเที่ยว ค้าขาย และธุรกิจส่วนตัวอื่น ๆ ทุกวันอาทิตย์พระสงฆ์จากพังงา จะเดินทางไปถวายมิสซาและบริการศีลศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดน้อยใน โรงแรมอันดามัน ฮอลิเดย์ รีสอร์ต ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีพระสงฆ์คณะซาเลเซียนที่ประจำอยู่วัดพนม และที่ใกล้เคียง แวะเวียนผ่านมาเยี่ยมเยียนและถวายบูชามิสซาเป็นครั้งคราว ต่อมาในปี ค.ศ. 2001 โดยผ่านทางความร่วมแรงร่วมใจกันของพระสังฆราชไมเกิ้ล ประพนธ์ ชัยเจริญ สังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี คณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ สัตบุรุษที่กระบี่ พี่น้องคริสตชนผู้มีน้ำใจดีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้สร้างวัดหลังใหม่ขึ้นมาที่จังหวัดกระบี่ ในนาม “วัดนักบุญอักแนส” ซึ่งได้ทำการเสกและเปิดวัดในวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2002
งานแพร่ธรรมที่สังฆมณฑลนครราชสีมา
ปี ค.ศ.1997 พระสังฆราชยออากิม พเยาว์ มณีทรัพย์ ได้เชิญคณะสติกมาตินไปร่วมงานแพร่ธรรมที่สังฆมณฑลนครราชสีมา คณะจึงได้ส่งสมาชิก 3 ท่าน ไปช่วยงานอภิบาลที่นั่น โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลวัดที่อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ได้แก่ วัดแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ที่ศูนย์คาทอลิกบัวใหญ่ วัดนักบุญยอแซฟหนองบัวลาย วัดนักบุญอิสิดอร์ บุไท วัดพระมารดามารีอาโคกสี และวัดพระคริสตกษัตริย์ เมืองคง และยังรับผิดชอบวัดที่จังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ วัดนักบุญเปาโลกลับใจ แก้งคร้อ และวัดแม่พระปฏิสนธินิรมล หนองหญ้าปล้อง
ปัจจุบัน คณะได้รับมอบหมายให้ทำงานอภิบาลดูแลบรรดาคริสตชนในเขตวัดพระคริสตราชา เมืองคง, วัดพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ โคกไคร้ เจ้าอาวาสวัดนักบุญยอแซฟกรรมกร หนองห่าง, ศูนย์มารีย์สงเคราะห์ หนองบัวโคก
งานแพร่ธรรมที่สังฆมณฑลเชียงราย
ในโอกาสฉลองคณะสติกมาติน 200 ปี แห่งการเป็นธรรมทูตแพร่ธรรม คณะได้ไปเปิดงานแพร่ธรรมใหม่ในเขตจังหวัดเชียงราย ตามคำเชิญของพระสังฆราชฟรังซิส เซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ ประมุขสังฆมณฑลเชียงใหม่ในเวลานั้น คณะจึงได้ส่งคุณพ่อพรชัย เตชะพิทักษ์ธรรม และคุณพ่อบัญชา อภิชาติวรกุล ไปเริ่มบุกเบิกงานแพร่ธรรม ต่อมาเมื่อมีการแบ่งแยกสังฆมณฑลเชียงราย ใน ค.ศ. 2018 พระสังฆราชโยเซฟ วุฒิเลิศ แห่ล้อม ได้ขอสมาชิกสติกมาตินมาเพิ่มอีก 1 คน คณะจึงได้ส่งคุณพ่อวินัย เปลี่ยนบำรุง ไปสมทบช่วยงานแพร่ธรรมตามคำขอของพระสังฆราช ด้วยความเห็นชอบของมหาอธิการและที่ปรึกษา จึงได้อนุมัติการเปิดหมู่คณะทดลองเชียงรายอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 สังฆมณฑลเชียงรายได้มอบหมายให้ทางคณะดูแลอาสนวิหารแม่พระบังเกิด คริสตชนที่หมู่บ้านปางริมกรณ์และเขตน้ำตกขุนกรณ์ และวัดนักบุญฟรังซิส เซเวียร์ แม่สาย และวัดน้อยบริเวณนั้น
สติกมาตินในประเทศไทยดูแลรับผิดชอบหมู่คณะสติกมาตินที่อินเดียและอินโดนีเซีย
ด้วยมติของสภาอธิการประจำปี ค.ศ. 2019 ที่สามพราน นครปฐม คุณพ่อมหาธิการจึงมีคำสั่งให้หมู่คณะอินเดียและอินโดนีเซีย รวมเข้ากับแขวงพระนางมารีย์ดาวประจำรุ่ง ประเทศไทย ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2020 เป็นต้นไป ดังนั้น สติกมาตินที่ประเทศไทยจึงได้ช่วยงานอภิบาลและแพร่ธรรมที่ประเทศไทยแล้ว ยังต้องช่วยเหลือสนับสนุนการเปิดงานแพร่ธรรมใหม่ของคณะในต่างประเทศอีกด้วย
ปัจจุบันคณะสติกมาตินในประเทศไทย มีสถานะเป็นแขวงชื่อ แขวงพระนางมารีย์ดาวประจำรุ่ง ทำงานอยู่ใน 4 สังฆมณฑล คือ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ สังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี สังฆมณฑลนครราชสีมา และสังฆมณฑลเชียงราย และยังดูแลรับผิดชอบหมู่คณะสติกมาตินที่อินเดียและอินโดนีเซีย