วัดนักบุญกัสปาร์ แบร์โทนี ลำเลียง

ปี ค.ศ. 1986 มีคริสตชนจากวัดอัครเทวดาคาเบรียล ต.น้ำร้อน อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ (เดิมมาจากจังหวัดยโสธร) 10 ครอบครัวที่เข้ามาตั้งหลักปักฐานอยู่ ที่บ้านลำเลียงแห่งนี้อาชีพที่ทำคือ ทำไร่กาแฟ และเริ่มทำสวนยางพารา ในเวลานั้นยังไม่มีวัด ไม่มีพระสงฆ์เข้ามาทำงานอภิบาล นายสิงห์ มะลิวัลย์ ทำงานรับจ้างในสวนของ คุณสุมนา สวัสดิ์ภักดี ที่กระบุรี ได้พบคุณพ่อเฟอร์ดินัลโด รอนโคนี จากระนอง ซึ่งมาทำมิสซาให้ที่บ้านสวนคุณสุมนา จึงเชิญคุณพ่อเข้ามาเยี่ยมญาติพี่น้องที่ลำเลียง แม้การเดินทางจะลำบากมาก แต่คุณพ่อก็ไม่ย่อท้อ มาถวายมิสซาให้ทุกอาทิตย์ และรื้อฟื้นคำสอนให้ผู้ใหญ่และเด็ก จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่คริสตชนกลุ่มนี้ได้มีนายชุมพาบาล

วัดหลังแรกที่พวกเขาร่วมใจกันสร้างขึ้น มีลักษณะเป็นโรงสวดำด้วยไม้ไผ่หลังคามุงจาก อยู่บนเนินเขา ใช้เป็นสถานที่สวดภาวนาและถวายบูชามิสซาอยู่ประมาณ 2 ปี ก็ทรุดโทรม การเดินขึ้นลงในฤดูฝนลำบาก จึงย้ายมาสร้างวัดใหม่ ในที่ดินของนายชัยทวี คำไขแก้ว ซึ่งอยู่ริมห้วย วัดหลังที่สองมีลักษณะไม่แตกต่างไปจากหลังแรกเท่าไรนัก ใช้งานอยู่ได้ประมาณ 3 ปี แต่ตลอดเวลาคุณพ่อเฟอร์ดินัลโด ได้พยายามหาที่ที่เหมาะสมเพื่อจะสร้างวัดให้เป็นการถาวร ในช่วงปลายๆ ของการใช้วัดหลังที่สองนี้เอง คุณพ่อได้อัญเชิญรูปนักบุญกัสปาร์ แบร์โทนี (ในเวลานั้นยังเป็นบุญราศีอยู่) ให้เป็นองค์อุปถัมภ์และนามชื่อวัด ซึ่งนำความปีติยินดีมาสู่กลุ่มคริสตชน กล่าวกันว่า “แม้วัดของพวกเรา จะเป็นวัดไม้เก่าๆ หลังเล็กๆ แต่พวกเรา เชื่อมั่นว่าพระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยที่จะประทับอยู่กับพวกเราแน่นอน”

ปี ค.ศ. 1992 คุณพ่อเฟอร์ดินัลโด ได้ที่ดินแห่งใหม่ เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่กว่าๆ อยู่ใจกลางหมู่บ้าน เป็นที่ราบครึ่งหนึ่งและเป็นเนินเตี้ย ๆ ครึ่งหนึ่งบนเนินเขานั้น ได้สร้างวัดหลังที่สาม ลักษณะเป็นอาคารเอนกประสงค์ หลังคามุงกระเบื้องไม่มีกำแพง ประตู และหน้าต่าง พื้นเทปูนยกพื้นด้านหน้าให้สูงกว่าเพื่อวางพระแท่น พระสังฆราชไมเคิลประพนธ์ ชัยเจริญ ประมุขของสังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี ได้เสกวัดนักบุญกัสปาร์ แบร์โทนี หลังนี้ ในวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1993

ปี ค.ศ. 1996 คุณพ่อเจ้าอาวาส ได้เห็นว่าวัดหลังนี้เริ่มทรุดโทรมแล้ว คุณพ่อและสัตบุรุษจึงได้ร่วมกันซ่อมแซม จะซ่อมหลังคา ทำกำแพงให้กันลมกันฝนได้ ในช่วงนั้น คุณพ่อสืบศักดิ์ กล้วยไม้ ณ อยุธยา ได้รับหน้าที่มาเป็นผู้ช่วยพ่อเจ้าวัด ได้มีความคิดว่าไหน ๆ ชาวบ้านที่นี้เขาก็ไม่คิดที่จะโยกย้ายอพยพไปที่อื่นแล้ว เราน่าจะสร้างวัดขึ้นใหม่ให้เป็นวัดที่ถาวรเสียที และที่สุดคุณพ่อเจ้าวัด สัตบุรุษ ก็เห็นสมควรให้สร้างวัดขึ้นใหม่

วัดหลังที่สี่นี้ ถูกสร้างขึ้นบนเนินเหนือวัดหลังเก่าขึ้นไปอีกเล็กน้อย กว้าง 8 เมตร ยาว 24 เมตร มีระเบียงหน้าวัด ด้านหลังมีห้องศาสนภัณฑ์ และห้องพักพระสงฆ์ เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1997 วัดหลังนี้ได้รับการเสกโดย พระสังฆราชไมเคิล ประพันธ์ ชัยเจริญ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1997